หว่านข้าวรอฝนไว้แล้ว
ขณะที่เกษตรจังหวัดมหาสารคามตือนทำนาก่อนฤดูเสียงต่อความเสียหายจากภัยแล้ง
ทุ่งกุาร้องไห้ อยู่ในเขตอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
ครอบคลุมพื้นที่ 9 ตำบล
มีพื้นที่ปลูกข้าวและเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญของจังหวัดกว่า
100,000 ไร่ จากวิถีีชีวิตของชาวนาในพื้นีที่แห่งนี้เกือบทุกรายจะทำนาหว่าน
ซึ่งขณะนี้แม้จะยังไม่มีฝนตกและไม่มีน้ำทำนา
แต่ชาวนาได้หว่านข้าวแห้งรอฝนไปแล้วกว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่ หรือประมาณ
80,000 กว่า ไร่
นางเพ็ง ชุมเส็ง ชาวนาบ้านโนนแคน ตำบลราษฎร์เจริญ
อำเภอพยัคฆภูมิพิัย ซึ่งมีพื้นที่ทำนาในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ บอกว่า
ได้เลือกวิธีการทำนาหว่านมานานนับ 10 ปี
โดยจะหว่านตั้งแต่ก่อนฤดูการทำนาช่วงเดือนพฤษภาคมของทกปีขณะที่ดินยังแห้ง
เริ่มจากการไถดินแล้วคราด เตรียมดิน เก็บหญ้าและวัชพืชให้ดี
ต่อจากนั้นหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวแบบหว่านแห้งในอัตรา 15
กิโลกรัมต่อไร่ ก่อนคราดกลบอีกครั้ง
แต่หากปีใดหลังหว่านข้าวมีฝนตกและน้ำขังเมล็ดข้าวจะเน่า
ต้องรอจนดินแห้งคอยหว่านใหม่ ซึ่งจะให้ดีหลังหวานข้าวซัก 7
วันค่อยมีฝนตกเมล็ดข้าวจะงอกและเจริญเติบโตดีไดี้กว่าหญ้าหรือวัชพืชอย่าง
อื่น
การทำนาหว่านข้าวแห้งรอฝนแม้จะเสี่ยงต่อภัยแล้ง
แต่ต้นทุนจะต่ำกห่วานดำเนื่องจากค่าจ้างรายวันปัจจุบันไม่ต่ำกว่า วันละ
200 บาท และที่ผ่านมาได้เก็บเกี่ยวทุกปี
อย่างไรก็ตาม นายพิบูลย์ วงศมาศา เกษตรจังหวัดมหาสารคาม
ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทุกตำบลให้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างไกล้ชิด
เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้ทัน
พร้อมฝากเตือนเกษตรกรที่ทำนาก่อนฤดูการทำนาจะเสี่ยงต่อผลกระทบจากภัยแล้ง
และอาจต้องหว่านข้าวหลายครั้ง
ซึ่งจะทำใ้ห้มีปัญหาเรื่องเมล็ดพันธุ์ดีที่อาจจะไม่เพียงพอ
ทางออกที่ดีระยะนี้ควรไถเตรียมดินกลบหญ้าและวัชพืชให้กลายเป็นปุ๋ยบำรุงดิน
ไปก่อน
ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000052200
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น